ในฤดูฝน เรามักได้ยินคำว่า “อย่าตากฝนนะ เดี๋ยวเป็นหวัด” แต่แท้จริงแล้ว ฝนทำให้เราเป็น ไข้หวัด ได้จริงหรือ?
ไข้หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัสบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ซึ่งในช่วงเวลาที่ฝนตกจะมีฝนและลมแรง ซึ่งอาจนำเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคหวัดมาด้วย บวกกับอุณหภูมิที่ลดลงทำให้โพรงจมูกเย็นและเหมาะกับการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส รวมไปถึงการสัมผัสเชื้อไวรัสในปริมาณมากตั้งแต่ก่อนที่ฝนจะตก ทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ ส่งผลให้เรารู้สึกคัดจมูก มีน้ำมูก และคออักเสบนั่นเอง
สัญญาณเบื้องต้นที่บ่งบอกว่าคุณเป็นไข้หวัด
- เจ็บคอ
- คัดจมูกหรือมีน้ำมูก
- ไอมีเสมหะ
- อาจมีไข้ต่ำ ๆ ปวดศรีษะเล็กน้อย
อาการของไข้หวัด
มักเป็นต่อเนื่องไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่อาการที่หนักอะไร แต่ก็สามารถติดต่อกันได้โดยเฉพาะกับผู้ที่อยู่รวมกันใกล้ชิดจำนวนมาก ผ่านทางการสัมผัสของใช้ร่วมกัน หรือหายใจเอาอากาศที่มีละอองน้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะของผู้ที่กำลังป่วยอยู่เข้าไป ซึ่งมักพบได้บ่อยในกลุ่มโรงเรียน โรงงานหรือออฟฟิศใหญ่ ๆ เป็นต้น
วิธีการรักษาและรับมือกับไข้หวัด
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- สวมใส่เสื้อผ้าให้ร่างกายอบอุ่น หลีกเลี่ยงการเจอฝนหรือในที่ๆอากาศเย็นจัด
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยลดไข้ และทดแทนน้ำที่สูญเสียไปเนื่อง
- รับประทานยาตามอาการให้ครบตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
ดังนั้นเพื่อสุขภาพที่ดีและแข็งแรง เราจึงควรหมั่นดูแลตัวเอง ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับร่างกาย และลดโอกาสเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายในอากาศ แต่หากหลีกเลี่ยงฝนไม่ได้จริง ๆ อย่าลืมทำร่างกายให้อบอุ่นและแห้งทันทีที่กลับถึงบ้าน ด้วยความปรารถนาดีจาก พาราไดม์ ฟาร์มา
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://shorturl.at/jqGYZ
https://shorturl.at/zOUZ1